du Tertre ไวน์อายุยืนยาวแห่งบอร์โดซ์

     ขึ้นชื่อว่า ความเก่าแก่ของ “ไวน์” ที่มีชื่อเสียงและปรากฏในยุโรปแล้วนั้น ก็มีอยู่หลากหลายประเภทหรือชนิดนั้น ไวน์ฝรั่งเศส เป็นไวน์ที่มีการกล่าวถึงมาอย่างยาวนานและเป็นประเภทของไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และมีประวัติความเป็นมานับตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ จึงถือได้ว่าไวน์ฝรั่งเศสเป็นไวน์ที่อายุยืนยาวมานานนับพันปีในแถบเมดิเตอร์เรเนียน จนกระทั่งการมาถึงของศาสนาคริสต์ ซึ่งถือได้ว่าไวน์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างมากในการประกอบพิธี ซึ่งนั่นจึงทำให้ในยุคกลาง มีพระสงฆ์ได้ปลูกองุ่นขึ้นและยังมีความรู้ในด้านการผลิตไวน์ รวมไปถึงในกลุ่มขุนนางด้วยเช่นกัน ซึ่งในฝรั่งเศสนั้นมีการปรากฏชนิดไวน์ที่มีชื่อเสียงอยู่ในหลาย ๆ ภูมิภาคไวน์ที่อยู่ในฝรั่งเศส หนึ่งในนั้นคือ แคว้นบอร์โดซ์ ซึ่งมีการผลิตไวน์ชั้นดี โดยเฉพาะไวน์แดง รวมไปถึงทั้งสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยในการทำไวน์ ตั้งแต่เรื่องสภาพดิน ภูมิอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไป นั่นจึงทำให้ในเขตภูมิภาคนี้เป็นดินแดนของไวน์ชั้นดีของฝรั่งเศส และไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในแคว้นแห่งนั้นคือ du Tertre

     ไวน์ du Tertre นั้น ตั้งอยู่บน Tertre ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสหมายถึงเนินเขาหรือพื้นที่สูง ซึ่งเป็นที่ตั้งของไร่องุ่น และยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เก่าแก่ที่สุดในฝั่งซ้ายของบอร์โดซ์ โดยที่ดินแห่งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ Tertre d’Arsac เนื่องจากมีเถาวัลย์จำนวนมากตั้งอยู่ในชุมชน แต่จริง ๆ แล้ว ซึ่งในช่วงทศวรรษ 1700 เราจะรู้จักสถานที่แห่งนี้ในชื่อ Chateau du Tertre  โดยมีเจ้าของคือ Pierre Mitchell นักเป่าแก้วชาวบอร์โดซ์ที่มีชื่อเสียงมาระยะหนึ่ง หลังจากนั้น สถานที่แห่งนี้ก็ถูกเปลี่ยนมือไปมากมาย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2021 ครอบครัว Helfrich ได้เข้ามาซื้อสถานที่แห่งนี้ ซึ่งครอบครัวนี้เป็นที่รู้จักกันดีในด้านการค้าไวน์ และเป็นเจ้าของไร่องุ่นใน Alsace และในภูมิภาคไวน์ฝรั่งเศสอื่น ๆ รวมไปถึงยังเป็นผู้ก่อตั้ง Grands Chais de France ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของไร่องุ่นมากมายในฝรั่งเศส

     ซึ่งไวน์ชนิดนี้เรียกได้ว่ามีเอกลักษณ์ในด้านของกลิ่นและรสชาติอย่างมาก ตั้งแต่สีที่ออกเป็นสีแดงทับทิม และกลิ่นออกเป็นผลไม้ประเภทเบอร์รี่ และจะมีรสชาติดีก็ต่อเมื่ออยู่ที่ 10 ปี และจะมีคุณภาพดีที่สุดในช่วงอายุ 10-25 ปี โดยควรรินไว้ก่อนสัก 1-2 ชั่วโมง เพื่อทำให้ไวน์นุ่มและส่งกลิ่นหอม และควรเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15.5 องศาเซลเซียส 60 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อทำให้ไวน์นั้นสดใหม่และอร่อยลิ้นนั่นเอง