Château La Tour Carnet Haut-Médoc (Grand Cru Classé)

La Tour Carnet หนึ่งในไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในบอร์โดซ์

          “ ไวน์ ” คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่สร้างมหัศจรรย์ตั้งแต่ขั้นตอนการสร้าง โดยเริ่มจากการที่เรารู้จักการใช้องุ่นนำมาหมักจนสามารถสร้างเครื่องดื่มที่มีความอร่อย และถูกใช้ในกลุ่มของชนชั้นสูงมานับตั้งแต่สมัยโบราณแทนการใช้เบียร์ที่เคยใช้มาก่อนเนิ่นยุคนาน จนถึงกับมีเทพเจ้าไวน์เป็นของตนเองเลยทีเดียว ความวิเศษของมันถูกผลิตซ้ำออกมาอย่างยาวนาน ยิ่งวัตถุดิบที่หาได้ยากบวกกับเวลาในการผลิตที่มาก จึงทำให้ไวน์กลายเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีราคาสูงมากพอที่จะทำให้ผู้ที่ต้องการลิ้มรสมันจะต้องจ่ายมันด้วยราคาที่แพงลิบลิว แต่ก็คุ้มค่าพอที่จะลองรสชาติของความแปลกใหม่ที่มีการผลิตออกมา เครื่องดื่มดังกล่าวนี้เริ่มเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในฝั่งของยุโรปซึ่งเป็นดินแดนที่มีพืชพันธุ์ผลไม้สมบูรณ์ รวมไปถึงองุ่นด้วย นั่นจึงทำให้แถบนี้ง่ายดายต่อการผลิตองุ่นอย่างมาก ส่งผลทำให้ในยุคสมัยต่อมา การผลิตไลน์จึงเป็นเรื่องที่มีอยู่แพร่หลายในยุโรป โดยยังคงเสน่ห์ของมันด้วยช่วงเวลาของการหมักและราคาที่เพิ่มขึ้นตามเวลาการหมักนั้น ๆ และหนึ่งในยี่ห้อไวน์ที่ขึ้นชื่ออย่างมากในยุโรปคือ La Tour Carnet

          La Tour Carnet ซึ่งถูกผลิตจากไร่ของ Chateau La Tour Carnet ซึ่งมีเจ้าของคือ Bernard Magrez ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์บอร์โดซ์ที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในบอร์โดซ์ และยังเป็นหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมบอร์โดซ์ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งที่มีคูน้ำและสะพานชักที่ใช้งานได้ ซึ่งเจ้าของปัจจุบันของ La Tour Carnet คือ Bernard Magrez Magrez เป็นเจ้าของของจำนวนที่ดินบอร์โดซ์อื่น ๆ และนอกจากนี้ Bernard Magrez ยังเป็นเจ้าของที่ดินจำนวนมากในบอร์โดซ์ รวมทั้ง Fombrauge ใน Saint Emilion โดยสิ่งแรกที่ Bernard Magrez ทำหลังจากเข้าครอบครอง Chateau La Tour Carnet ก็คือการเพิ่มขนาดของไร่องุ่น จึงทำให้ที่ดินของสถานที่แห่งนี้มีเถาองุ่นเพียง 44 เฮกตาร์ และภายในปี ค.ศ. 2018 ได้มีการเพิ่มเถาวัลย์มากขึ้นถึง 190 เฮกตาร์

          La Tour Carnet นั้น จะมีรสชาติดีก็ต่อเมื่ออยู่ที่ 5-7 ปี โดยควรรินไว้ก่อนสัก 1-2 ชั่วโมง เพื่อทำให้ไวน์นุ่มและส่งกลิ่นหอม และควรเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15.5 องศาเซลเซียส 60 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อทำให้ไวน์นั้นสดใหม่และอร่อยลิ้นนั่นเอง

 

error: Content is protected !!
Scroll to Top