CHATEAU DUHART MILON ROTHSCHILD

Duhart-Milon-Rothschild ไวน์ที่มีเรื่องราวอันยิ่งใหญ่แห่งบอร์โดซ์

     ขึ้นชื่อว่า “ไวน์” ที่มีชื่อเสียงและปรากฏในยุโรปแล้วนั้น ก็มีอยู่หลากหลายประเภทหรือชนิดนั้น ไวน์ฝรั่งเศส เป็นไวน์ที่มีการกล่าวถึงมาอย่างยาวนานและเป็นประเภทของไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และมีประวัติความเป็นมานับตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ จึงถือได้ว่าไวน์ฝรั่งเศสเป็นไวน์ที่อายุยืนยาวมานานนับพันปีในแถบเมดิเตอร์เรเนียน จนกระทั่งการมาถึงของศาสนาคริสต์ ซึ่งถือได้ว่าไวน์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างมากในการประกอบพิธี ซึ่งนั่นจึงทำให้ในยุคกลาง มีพระสงฆ์ได้ปลูกองุ่นขึ้นและยังมีความรู้ในด้านการผลิตไวน์ รวมไปถึงในกลุ่มขุนนางด้วยเช่นกัน ซึ่งในฝรั่งเศสนั้นมีการปรากฏชนิดไวน์ที่มีชื่อเสียงอยู่ในหลาย ๆ ภูมิภาคไวน์ที่อยู่ในฝรั่งเศส หนึ่งในนั้นคือ แคว้นบอร์โดซ์ ซึ่งมีการผลิตไวน์ชั้นดี โดยเฉพาะไวน์แดง รวมไปถึงทั้งสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยในการทำไวน์ ตั้งแต่เรื่องสภาพดิน ภูมิอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไป นั่นจึงทำให้ในเขตภูมิภาคนี้เป็นดินแดนของไวน์ชั้นดีของฝรั่งเศส และยังมีการผลิตไวน์ที่มีคุณภาพอย่างมาก นั่นก็คือ     Duhart-Milon-Rothschild

     Duhart-Milon-Rothschild  มีจุดเริ่มต้นจากตระกูล Rothschild ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน Chateau Mouton Rothschild ที่ผลิตไวน์ชนิดนี้ ซึ่งเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นในปี ค.ศ. 1744 มาจากการที่ Amschel Meyer ซึ่งได้เริ่มสร้างความร่ำรวย มาตั้งแต่ทำงานเป็นพ่อค้าที่ “zum Roten Schild” ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นนามสกุลของ Rothschild ในเวลาต่อมา ซึ่งหลังจากนั้น ครอบครัว Rothschild ก็ได้สืบทอดธุรกิจและสืบสานไปอย่างมากมาย โดยเริ่มมีการสร้างอสังหาริมทรัพย์ พัฒนาที่ดิน และพัฒนาไร่องุ่นต่าง ๆ มากมายให้มีคุณภาพและมาตรฐานมากยิ่งขึ้น ซึ่งความเจริญรุ่งเรืองของไวน์ชนิดนี้ ได้เริ่มมาจากการที่ Mouton Rothschild ได้เข้ามาครอบครองและพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ จนทำให้ในช่วงกลางทศวรรษ 1950 ไวน์ชนิดนี้ ได้กลายเป็นไวน์บอร์โดซ์ที่มีตราสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และยังคงพัฒนามาตรฐานที่ดีงามอย่างนี้มาจนถึงปัจจุบัน

     Duhart-Milon-Rothschild นั้น จะมีรสชาติดีก็ต่อเมื่ออยู่ที่ 15 ปี โดยควรรินไว้ก่อนสัก 3-6 ชั่วโมง เพื่อทำให้ไวน์นุ่มและส่งกลิ่นหอม และควรเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15.5 องศาเซลเซียส 60 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อทำให้ไวน์นั้นสดใหม่และอร่อยลิ้นนั่นเอง