Champagne Thiénot X Penfolds

Champagne Thiénot X Penfolds

แชมเปญรุ่นพิเศษซึ่งเกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง Penfolds และ Thiénot โดยใช้องุ่นสายพันธุ์ Chardonnay ทั้งหมดในกระบวนการผลิตจากไร่องุ่น Grand Cru แห่งหมู่บ้าน Avize โดยไม่มีการหมักมัลแลคติกเพื่อรักษาลักษณะพันธุ์ที่สดใสและความเป็นกรดที่มีชีวิตชีวาอย่างที่สุด

 

จุดเด่นอยู่ที่กลิ่นซิตรัสที่มีความกลมกลืนกันผสมผสานกับกลิ่นดอกไม้อันละเอียดอ่อนอย่างลิลลี่สีขาว มาดเลนอบ กลิ่นนัทตี้ อัลมอนด์สดและกลิ่นน้ำผึ้งอ่อนๆ ผสานกับกลิ่นของน้ำตาลบาร์เลย์ ลูกกวาดผสมกับผลไม้หินสีขาว เป็นเครื่องดื่มที่มีสีเหลืองละเอียดอ่อน เหมาะสำหรับการจิบเพื่อต้อนรับความสดใสซาบซ่าน

โดยรวมเป็นแชมเปญที่มีความพิเศษและอุดมสมบูรณ์ทั้งทางด้านกลิ่นและรสชาติ เหมาะสำหรับรับประทานคู่กับอาหารประเภท ปลา, มันฝรั่ง, ผัก, อาหารทะเล, หอยและปลาเนื้อขาวเป็นอย่างมาก

 

เหล้านอก

Champagne Barons de Rothschild Rosé Champagne N.V.

Champagne Barons de Rothschild Rosé Champagne N.V.

Champagne สีเหลืองทอง คุณภาพสัญชาติฝรั่งเศส ที่ผลิตจากองุ่นคุณภาพดีแถบ Champagne ทำให้แชมเปญขวดนี้มีรสชาติที่กลมกล่อม และเป็นรสชาติที่บ่งบอกถึงรสนิยมและคุณภาพของแชมเปญ

 

กลิ่น: มีโน้ตของความฟรุ้ตตี้ ที่มีความชัดเจนในกลิ่นสตรอเบอร์รี่ มีความละมุนในกลิ่นที่หอมหวาน และสดชื่น ถือว่าเป็น lively champaign ที่ดีจริง ๆ

 

รสสัมผัส: รสสัมผัสมีความกลมกลืน และมีชีวิตชีวา นอกจากนี้มีความลงตัวและกลมกล่อมด้วยรสชาติของผลไม้สุก เช่นแพร และมีรสชาติที่ติดลิ้นอย่างยาวนาน ทำให้คุณได้มีเวลาดื่มด่ำกับทุกอนูของแชมเปญได้นานขึ้น นอกจากความสดชื่นของผลไม้สีเขียวต่าง ๆ แล้วแชมเปญขวดนี้ยังทำให้คุณได้สัมผัสรสชาติของขนมปังปิ้งและอัลม่อนด์อีกด้วย 

 

เหล้านอก

Perrier-Jouët Belle Epoque

Perrier-Jouët Belle Epoque

Perrier-Jouët Belle Epoque

แชมเปญชื่อดงัแห่งประเทศฝรั่งเศสบรรจุขวดที่ความเข้มข้น 12.5% จาก Perrier-Jouet ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงผลิตแชมเปญที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ขวด Belle Epoque ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้ทะเลอาหรับอันละเอียดอ่อนที่สร้างขึ้นโดย Emile Gallé ผู้ผลิตแก้วอาร์ตนูโวในปี 1902 Belle Epoque ได้รับการตั้งชื่อตามยุคในปารีสเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการระเบิดของความสุขและงานรื่นเริง

กลิ่นหอมและรสชาติอันเป็นเอกลักษณืเฉพาะตัวแบบสุดๆ ที่จมูกมีกลิ่นหอมละเอียดอ่อนและสง่างามของดอกไม้สีขาวและผลไม้สีซีด เช่น ลูกพีชและลูกแพร์ มีรสสัมผัสที่แสดงออกถึงความสมบูรณ์ ความละเอียดอ่อน ความมีไหวพริบและความสง่างาม ให้รสชาติละมุนเปรี้ยวซ่าที่มีพลังและกระฉับกระเฉง

โดยรวมเป็นแชมเปญชั้นดีที่เหมาะสำหรับการดื่มท่ามกลางงานรื่นเริงสังสรรค์ สามารถทานคู่กับอาหารว่างหรืออาหารจำพวกปลาเนื้อขาวได้อย่างกลมกล่อม รวมถึงอาหารเบาๆอย่างชีส, ไส้กรอกและสลัด อีกด้วย

เหล้านอก

Court Garden Classic Brut

Court Garden Classic Brut 2009

ไวน์ขาวจากประเทศอังกฤษที่ได้ใช้องุ่นพันธุ์ Chardonnay และ Pinot noir ในกระบวนการผลิตจากอุตสหกรรมไวน์ยักษณ์ใหญ่อย่าง Court Garden รุ่น Classic บรรจุขวดที่ความเข้มข้น 11.5% การันตีคุณภาพโดย Court Garden ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกที่สวยงามบนเนินลาดที่มีแดดส่องอย่างทั่วถึง รังสรรค์สปาร์คกิ้งคุณภาพดีจากพท้นที่ทางการเกษตรและเถาวัลย์ชั้นดีของไร่องุ่นแห่งนี้

สปาร์คกิ้งสีเยลโล่พีชที่มีกลิ่นหอมจากครีมมี่, ลูกพีช, แอปเปิ้ล, น้ำผึ้ง, ส้มและมะนาว ให้รสชาติที่มีความสลับซับซ้อนจากรสแอปเปิ้ล, เลม่อน, บริโอเช่, ผลส้มโอ, สีชอล์กผสมผสานกับกลิ่นของเครื่องหนังจางๆ เป็ยไวน์ที่มีความสมดุลลงตัว มีความเข้มข้นปานกลาง มีความเป็นกรดเปรี้ยวซาบซ่าให้ความรู้สึกสดชื่น กระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่าและมีพลังงานล้มเหลือเป็นอย่างมาก

โดยรวมเป็นไวน์ขาวรสชาติดีเยี่ยมสามารถทานคู่กับอาหารประเภทซีฟู้ด, ปลาย่าง, สลัด, อาหารว่างอย่างแฮมและชีส เป็นต้น

เหล้านอก

Coolhurst Single Vineyard Rose

Coolhurst Single Vineyard Rose

โรเซ่สปาร์คกิ้งไวน์ตัวดังจากประเทศอังกฤษที่ได้ใช้องุ่นพันธุ์ Pinot Noir ในกระบวนการผลิตแบบ 100% ในถังหมักเป็นเวลายางนานถึง 23 เดือนจากไร่องุ่นของครอบครัว Scrase-Dickens ในภูมิภาค West Susse ซึ่งได้รังสรรค์เคร่องดื่มชั้นดีที่มีความเป็นเอกลักษณ์ รสสัมผัสยอดเยี่ยม หรูหราพรีเมี่ยมและดื่มง่ายไหลลื่นเป็นอย่างมาก

ด้วยสีชมพูสดใสเรืองแสงผสมผสานกับสีเหลืองอำพันเป็นประกาย ให้กลิ่นหอมและรสสัมผัสที่เป็นเอกลักษ์จากผลเบอร์รี่สีแดง ส้มเขียวหวานและผิวพีชที่มีความสมดุลสวยงามเป็นอย่างมาก บนเพดานปากได้รสชาติของทาร์ตสีแดง เนคทารีน และครีมมี่ที่มีความเป็นมูสนุ่ม ๆ ก่อนที่จะนำไปสู่รสหวานอมขมเหมือนคัมพารีในตอนท้าย

โดยรวมเป็นสปาร์คกิ้งที่มีความนุ่มละมุนและดื่มง่ายเป็นอย่างมาก เพิ่มรสชาติของอาหารด้วยการจับคู่ทานกับอาหารว่างเบาๆอย่าง ไส้กรอก, ปลาย่าง, สลัดและชีสแข็ง เหมาะสำหรับดื่มในวันหยุดสบายๆและสังสรรค์กับเพื่อนฝูง

เหล้านอก

Henri Giraud Fut de Chene MV Ay Grand Cru Brut

Henri Giraud Fut de Chene MV Ay Grand Cru Brut

แชมเปญตัวดังจาก The Champagne House Henri Giraud ที่ถูกสร้างมาจากย่านไวน์ประสบความสำเร็จที่เก่าแก่ตั้งแต่ปี 1625 อย่างย่าน AY ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นแชมเปญเฮาส์ที่เก่าแก่ที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยวัตถุดิบที่ถูกคัดสรรค์เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตนั้นมาจากองุ่นพื้นเมืองอย่าง Pinot Noir และ Chardonnay แล้วยังได้รับการยอมรับจาก HVE โดยกลั่นลงในถังสเตนเลสผสมผสานกับไม้โอ๊คเล็กน้อยที่ได้มาจากป่า Argonne รังสรรค์จนได้เป็นแชมเปญที่มีความหอมและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในด้านกลิ่นและรสชาติ

สีขาวสะท้อนแสงสวยงามให้รสสัมผัสที่มีความครีมมี่จากพายผลไม้, มะพร้าวขูด, ลูกพลัม, ขนมปังและขิงผสมผสานกันอย่างลงตัวกลิ่นหอมจางๆของน้ำผึ้งคริสตัลสร้างความประทับใจและน่าหลงใหลแบบสุดๆ

โดยรวมเป็นแชมเปญที่มีสเน่ห์เฉพาะตัว ราคาจับต้องได้เหมาะสำหรับดื่มในวันสบายๆและปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนฝูงและคนรู้ใจของคุณ

เหล้านอก

Veuve clicquot

Veuve clicquot แชมเปญยอดฮิต จากสตรีชั้นสูงของฝรั่งเศส

          ขึ้นชื่อว่า “แชมเปญ” ที่มีชื่อเสียงและปรากฏในยุโรปแล้วนั้น ก็มีอยู่หลากหลายประเภทหรือชนิดนั้น แชมเปญฝรั่งเศส เป็นแชมเปญที่มีจุดกำเนิดเริ่มต้นมาอย่างยาวนาน ซึ่งแท้จริงแล้ว มันก็ไวน์ที่ถูกผลิตออกมาในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นการผลิตที่มีความแตกต่างจากไวน์อย่างสิ้นเชิง หรือที่เรียกง่าย ๆ เลยก็คือ เป็นไวน์ที่มีฟอง หรือ สปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine) โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากแคว้น “ชองปาญ” ซึ่งเป็นไวน์ที่เกิดมาจากกระบวนการที่ผิดพลาด แต่มันกลับออกผลผลิตที่เป็นที่นิยมสำหรับนักบวชและชนชั้นสูงอย่างมาก และเพราะดังนั้น มันจึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะ เป็นเครื่องดื่มของชนชั้นสูงในแวดวงสังคม และเป็นตัวแทนของการใช้ชีวิตอันน่ารื่นรมย์ ซึ่งแชมเปญในฝรั่งเศสนั้น ก็มีอยู่หลากหลายรูปแบบด้วยกัน และก็มีอยู่หลายชนิดด้วย และหนึ่งในแชมเปญที่เป็นที่ยอดนิยมในฝรั่งเศสเลยก็คือ Veuve clicquot

          Veuve clicquot เป็นแชมเปญที่ได้รับความนิยมอย่างมาก รวมไปถึงประวัติความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา ซึ่งผู้ที่ให้กำเนิดมันก็คือ Madame Clicquot ซึ่งเป็นผู้บริหารงานแชมเปญแห่งนี้จากสามีของเธอ และมันก็ได้กลายเป็นเครื่องดื่มแชมเปญที่บุกเบิกตลาดแชมเปญให้กลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกับบรรดาเหล่ากษัตริย์ และขุนนางมากมาย จึงทำให้แชมเปญชนิดนี้ได้กลายเป็น   แชมเปญประจำงานสำคัญ ๆ ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งด้วยความเก่งกาจในการบริหารของเธอนั้น ก็ได้ส่งผลให้  Madame Clicquot ได้เป็น “La Grande Dame de la Champagne” ซึ่งมีความหมายว่า “ท่านผู้หญิงแห่งโลกแชมเปญ”

          สำหรับความพิเศษของแชมเปญชนิดนี้ ก็คือ กลิ่นที่เบาบาง และมีกลิ่นหอมอันเป็นผลมาจาก        ส้มไนตรัส ถั่วอัลมอนด์ และกลิ่นขนมปังบริโอซ ซึ่งนอกจากนี้ รสชาติที่เหมือนดั่งเหล้าที่ยังคงรสชาติสดใหม่ และเนื้อสัมผัสที่ไม่แห้งมากนัก รวมไปถึงยังมีระดับปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 12% ก็ยังเพิ่มความนิยมอย่างยิ่งให้กับแชมเปญชนิดนี้เป็นอย่างมาก

Laurent-Perrier

Laurent-Perrier แชมเปญเอกลักษณ์เยี่ยมจากฝรั่งเศส

          ขึ้นชื่อว่า “แชมเปญ” ที่มีชื่อเสียงและปรากฏในยุโรปแล้วนั้น ก็มีอยู่หลากหลายประเภทหรือชนิดนั้น แชมเปญฝรั่งเศส เป็นแชมเปญที่มีจุดกำเนิดเริ่มต้นมาอย่างยาวนาน ซึ่งแท้จริงแล้ว มันก็ไวน์ที่ถูกผลิตออกมาในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นการผลิตที่มีความแตกต่างจากไวน์อย่างสิ้นเชิง หรือที่เรียกง่าย ๆ เลยก็คือ เป็นไวน์ที่มีฟอง หรือ สปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine) โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากแคว้น “ชองปาญ” ซึ่งเป็นไวน์ที่เกิดมาจากกระบวนการที่ผิดพลาด แต่มันกลับออกผลผลิตที่เป็นที่นิยมสำหรับนักบวชและชนชั้นสูงอย่างมาก และเพราะดังนั้น มันจึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะ เป็นเครื่องดื่มของชนชั้นสูงในแวดวงสังคม และเป็นตัวแทนของการใช้ชีวิตอันน่ารื่นรมย์ ซึ่งแชมเปญในฝรั่งเศสนั้น ก็มีอยู่หลากหลายรูปแบบด้วยกัน และก็มีอยู่หลายชนิดด้วย และหนึ่งในแชมเปญที่เป็นที่ยอดนิยมในฝรั่งเศสเลยก็คือ Laurent-Perrier

          Laurent-Perrier เป็นแชมเปญที่ถูกกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1812 โดย Alphonse Pierlot ซึ่งริเริ่มมาจากการรวมที่ดินของเขาเองเข้าด้วยกัน และยังได้รับความร่วมมือจาก Eugene Laurent และ Mathilde Emilie Perrier ซึ่งส่งผลให้ Laurent-Perrier ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยสามารถผลิตแชมเปญได้ถึง 50,000 กล่องเลยทีเดียว และภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 บริษัทแชมแปญนี้ได้ส่งต่อให้ Bernard de Nonancourt เป็นผู้ดูแล และเขานี่เองที่สามารถทำให้แชมเปญชนิดนี้โด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ได้นั่นเอง

          สำหรับแชมเปญ Laurent-Perrier นั่น ก็ถือได้ว่ามีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอยู่เช่นกัน ตั้งแต่กลิ่นอายและรสชาติที่มียังคงความเป็นเอกลักษณ์ของฝรั่งเศสไว้อย่างสมบูรณ์ และอบอวลไปด้วยรสชาติกับกลิ่นที่ออกเปรี้ยวของแอปเปิ้ลเขียว และยังมีกลิ่นและรสชาติของส้มไนตรัส และดอกไม้ขาวที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ก็ยิ่งทำแชมเปญชนิดนี้ได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในเวลาต่อมา และแชมเปญนี้ยังจะดีอย่างยิ่งเมื่อได้ดื่มควบคู่ไปกับอาหารจำพวกเนื้อสัตว์อย่างเนื้อหมู เนื้อปลา และอาหารประเภทชีส ก็ยังช่วยชูรสความเอร็ดอร่อยให้กับการรับประทานั้น ๆ ได้อย่างดีนั่นเอง

KRUG GRANDE CUVEE

Krug champagne แชมเปญระดับโลกอายุ 178 ปีที่คุณควรลิ้มลอง

           ขึ้นชื่อว่า “แชมเปญ” ที่มีชื่อเสียงและปรากฏในยุโรปแล้วนั้น ก็มีอยู่หลากหลายประเภทหรือชนิดนั้น แชมเปญฝรั่งเศส เป็นแชมเปญที่มีจุดกำเนิดเริ่มต้นมาอย่างยาวนาน ซึ่งแท้จริงแล้ว มันก็ไวน์ที่ถูกผลิตออกมาในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นการผลิตที่มีความแตกต่างจากไวน์อย่างสิ้นเชิง หรือที่เรียกง่าย ๆ เลยก็คือ เป็นไวน์ที่มีฟอง หรือ สปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine) โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากแคว้น “ชองปาญ” ซึ่งเป็นไวน์ที่เกิดมาจากกระบวนการที่ผิดพลาด แต่มันกลับออกผลผลิตที่เป็นที่นิยมสำหรับนักบวชและชนชั้นสูงอย่างมาก และเพราะดังนั้น มันจึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะ เป็นเครื่องดื่มของชนชั้นสูงในแวดวงสังคม และเป็นตัวแทนของการใช้ชีวิตอันน่ารื่นรมย์ ซึ่งแชมเปญในฝรั่งเศสนั้น ก็มีอยู่หลากหลายรูปแบบด้วยกัน และก็มีอยู่หลายชนิดด้วย และหนึ่งในแชมเปญที่เป็นที่ยอดนิยมในฝรั่งเศสเลยก็คือ Krug champagne

          Krug champagne มีจุดเริ่มต้น Joseph Krug ที่ได้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1843 โดยตั้งอยู่ที่เมืองไรมส์ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งแชมเปญชนิดนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร แต่ในภายหลังวิกฤตสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ Krug champagne ต้องดำเนินธุรกิจไปอย่างยากลำบาก แต่ก็ได้กลับมาได้ด้วยการนำโดย Joseph Krug II และยังได้รับการพัฒนาหลังจากนั้น จนสามารถดึงชื่อเสียงให้มีมาเหมือนเดิมและมากขึ้นมาจนถึงปัจจุบั ซึ่งรวมเวลามาตั้งแต่ใน ปี ค.ศ. 1843 ก็มีอายุรวมกันแล้วถึง 178 ปีเลยทีเดียว ซึ่ง Krug champagne จะใช้ถังไม้โอ๊คขนาด 205 ลิตร จากต้นไม้ในป่าของ Hautes Futaies ที่มีอายุเฉลี่ย 20 ปี รวมถึงสีและเนื้อสัมผัสของแชมเปญชนิดนี้ยังมีสีทองสว่าง และมีกลิ่นกับรสชาติของผลไม้เปลือกแข็ง กับผลไม้ตากแห้งและเครื่องเทศกับขนมปังขิงที่หอมหวนและนุ่มนวลอย่างยิ่ง

           และเพราะเหตุนี้ จึงถือได้ว่า Krug champagne เป็นแชมเปญที่มีแรงดึงดูงให้กับรรดาเหล่านักดื่มทั้งหลาย ซึ่งมีสาเหตุมาจากแชมเปญที่มีกลิ่นอายของความคลาสสิคอันดั้งเดิม และยังมีระดับปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ประมาณ 12% ก็ยิ่งช่วยเพิ่มความนิยมให้กับบรรดานักดิ่มทั้งหลายนั่นเอง

Champagne Dom Perignon

Champagne Dom Perignon แชมเปญเก่าแก่จากฝรั่งเศส

     ขึ้นชื่อว่า “แชมเปญ” ที่มีชื่อเสียงและปรากฏในยุโรปแล้วนั้น ก็มีอยู่หลากหลายประเภทหรือชนิดนั้น แชมเปญฝรั่งเศส เป็นแชมเปญที่มีจุดกำเนิดเริ่มต้นมาอย่างยาวนาน ซึ่งแท้จริงแล้ว มันก็ไวน์ที่ถูกผลิตออกมาในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นการผลิตที่มีความแตกต่างจากไวน์อย่างสิ้นเชิง หรือที่เรียกง่าย ๆ เลยก็คือ เป็นไวน์ที่มีฟอง หรือ สปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine) โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากแคว้น “ชองปาญ” ซึ่งเป็นไวน์ที่เกิดมาจากกระบวนการที่ผิดพลาด แต่มันกลับออกผลผลิตที่เป็นที่นิยมสำหรับนักบวชและชนชั้นสูงอย่างมาก และเพราะดังนั้น มันจึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะ เป็นเครื่องดื่มของชนชั้นสูงในแวดวงสังคม และเป็นตัวแทนของการใช้ชีวิตอันน่ารื่นรมย์ ซึ่งแชมเปญในฝรั่งเศสนั้น ก็มีอยู่หลากหลายรูปแบบด้วยกัน และก็มีอยู่หลายชนิดด้วย และหนึ่งในแชมเปญที่เป็นที่ยอดนิยมในฝรั่งเศสเลยก็คือ Champagne Dom Perignon

     Champagne Dom Perignon เป็นแชมเปญที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแชมเปญที่เก่าแก่อย่างมากในฝรั่งเศส ซึ่งถูกผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1921 โดยชื่อเเบรนด์นั้นมาจากชื่อพระจากคณะเบเนดิกติน ซึ่งถือว่าเป็นผู้บุกเบิกไวน์ผลิตแชมเปญคุณภาพ นอกจากนี้เขายังเป็นรู้ริเริ่มการใช้จุกคอร์กแทนไม้ธรรมดาอีกด้วย ซึ่งถ้าหากเรานับตั้งแต่จากปี ค.ศ. 1921 นั้น ก็จะพบว่า Champagne Dom Perignon นี้ ได้ผลิตออกมาแล้ว 40      วินเทจ และ Champagne Dom Perignon ก็ยังได้ผลิตแชมเปญที่มีคุณภาพอันหนึ่งปรากฏขึ้นมา นั่นก็คือ Champagne Dom Perignon Vintage 2009

     Champagne Dom Perignon Vintage 2009 นั้น ถือว่าเป็นแชมเปญที่มีรสชาติอันเต็มเปี่ยมไปด้วยองุ่นที่มีความสุกมากที่สุดอีกด้วย และยังรวมไปถึงคุณสมบัติของมันอีกหลายอย่างเช่น กลิ่นที่ได้มาจากผลฝรั่งและเนื้อองุ่นเขียว รวมทั้งยังผลไม้จำพวกลูกพีช ทั้งลูกพีชสีขาวและชนิดอื่น ๆ อีกด้วย และยังมีรสชาติขององุ่นเข้มข้นอย่างแรง และยังมีความขมและความเค็มจาง ๆ ที่สมดุลไปกับความหวานอีกด้วย นั่นจึงถือว่าเป็น   แชมเปญที่มีรสชาติเข้มข้นและกลมกล่อมอย่างมากเลยทีเดียว