Latour, Pauillac

Latour ไวน์เก่าแก่ กับเรื่องราวที่แสนจะท้าทาย

          ประวัติความเป็นมาของไวน์ในฝรั่งเศสนั้น มีเรื่องราวที่เล่าขานกันมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่อารยธรรมกรีกโบราณ นั่นจึงถือได้ว่าเป็นไวน์ฝรั่งเศสเริ่มมีอิทธิพลมาอย่างยาวนานนับพันปี และยิ่งการมาถึงของศาสนาคริสต์ อิทธิพลของไวน์ก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลทำให้กลุ่มพระสงฆ์และขุนนางได้เริ่มปลูกองุ่น และได้ใช้มันในการผลิตไวน์มากขึ้น และหนึ่งในดินแดนที่มีการปลูกองุ่นและผลิตไวน์คือ แคว้นบอร์โดซ์ ด้วยสาเหตุสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยในการทำไวน์ ตั้งแต่เรื่องสภาพดิน ภูมิอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไป นั่นจึงทำให้ในเขตภูมิภาคนี้เป็นดินแดนของไวน์ชั้นดีของฝรั่งเศส โดยเฉพาะไวน์แดง และไวน์ที่เป็นยี่ห้อที่ยอดนิยมมานับตั้งแต่สมัยโบราณคือ Latour

          Latour ถูกผลิตขึ้นจากที่ Chateau Latour ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ผลิตไวน์บอร์โดซ์ที่ต่อเนื่องยาวนานที่สุดใน Pauillac ซึ่งมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เลยทีเดียว ซึ่งในเวลาต่อมามันได้กลายเป็นสมบัติของตระกูล Segur ในปี ค.ศ. 1718 และเป็นจุดเริ่มต้นของการผลิตไวน์ โดยในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 นั้น ไวน์ Latour ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก  และ โธมัส เจฟเฟอร์สัน เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำฝรั่งเศสและประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาในอนาคต ก็ยังเคยชิมมาแล้ว ซึ่งตั้งแต่นั้นมา สถานที่แห่งนี้ก็เกิดเหตุการณ์มากมายที่ทั้งดีและไม่ดีอยู่มาก ตั้งแต่รุ่งเรืองไปจนล้มเหลว แม้แต้ ในปี ค.ศ. 1995 Frederic Engerer ก็ได้เข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารของอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้ แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย จนกระทั่งในปี       ค.ศ. 2012 Chateau Latour ประกาศว่าพวกเขาจะเลิกขาย Chateau Latour โดยไวน์ชนิดนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 2020 ซึ่งไวน์ชนิดนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่สีโกเมนที่แดงเข้ม รวมไปถึงรสชาติของผลไม้สุก ๆ ที่เราจะค่อย ๆ ออกรสเมื่อดื่มเข้าไปนั่นเอง

          Latour นั้น จะมีรสชาติดีก็ต่อเมื่ออยู่ที่ 15 ปี โดยควรรินไว้ก่อนสัก 3-6 ชั่วโมง เพื่อทำให้ไวน์นุ่มและส่งกลิ่นหอม และควรเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15.5 องศาเซลเซียส 60 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อทำให้ไวน์นั้นสดใหม่และอร่อยลิ้นนั่นเอง