Pichon Comtesse Reserve Pauillac

Pichon Comtesse Reserve Pauillac

เรียกได้ว่าเเป็นไวน์แดงตัวที่สองที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษจาก Pauillac แห่งประเทศฝรั่งเศส วัตถุดิบประกอบด้วย Cabernet Sauvignon 60%, Merlot 36%, Cabernet Franc 2% และ Petit Verdot 2% ซึ่งเป็นไวน์ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการดื่มทันทีหรือเก็บไว้เพิ่มเติมอีกสักสองสามปี กลิ่นน้ำหอมที่หอมสดชื่นและแสดงออกถึงอารมณ์อ่อนวานละมุนละไม

 

จุดเด่นอยู่ที่รสชาติจาก เชอร์รี่ ลูกพลัม ชะเอม และอบเชย โดยรสชาติทั้งหมดนี้ถูกหลอมรวมกันได้อย่างสวยงาม มีเนื้อสัมผัสปานกลาง กลิ่นของ Elderflower และความเป็นแทนนินที่มีความยาวนาน

 

โดยรวมเป็นไวน์ที่มีสัมผัสออกแห้ง เข้มข้น มีความเป็นแทนนินสูง และมีความเป็นกรด มีบุคลิกภาพซับซ้อน เป็นผู้ใหญ่ เหมาะกับการดื่มคู่กับอาหารประเภทเนื้อแกะ เนื้อวัว เนื้อกวาง และไก่งวง เพื่อเพิ่มความเอร็ดอร่ยอของอาหารได้เป็นอย่างยิ่ง

เหล้านอก

Château Croizet-Bages Pauillac Rouge

Château Croizet-Bages Pauillac Rouge

สุดยอดไวน์แดงสัญชาติฝรั่งเศสอายุน้อยจาก Bordeaux Sunday โดยมีระดับแทนนินที่สมดุลเป็นอย่างมาก ด้วยส่วนผสมจากองุ่นอย่าง Cabernet Sauvignon และ Merlot จากกระบวนการผลิตไวน์แดงที่ทั้งสุดยอดและมีความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก

 

จุดเด่นอยู่ที่ไวน์สีม่วงเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีกลื่นเฉพาะตัวจากกราไฟต์, หนัง, หนาม, แคสซิสและยูคาลิปตัสแห้ง ได้รสชาติที่มีกรดผสมแคสซิส, แบล็คเชอร์รี่, หนังสัตว์, พริกไทยดำและชะเอม จบยาว รสสัมผัสมีความยาวนานตั้งแต่แก้วแรกจนแก้งสุดท้าย เป็นผลผลิตระดับพรีเมี่ยมที่มีคุณภาพสูงมาก

 

โดยรวมเป็นไวน์ที่มีความอ่อนเยาว์ มีความซับซ้อน พิถีพิถัน มีความเป็นกรดและออกแห้งค่อนข้างมาก มีความเข้มข้นและมีความเป็นแนนนินแน่นหนา เหมาะสำหรับดื่มคู่กับอาหารมื้อหนักอย่างมื้อค่ำ เช่น เสต็กเนื้อวัว, เนื้อแกะ, ขาห่าน, เป็ดและไก่ เป็นต้น

เหล้านอก

Château La Bécasse Pauillac

Château La Bécasse Pauillac

ไวน์แดงสัญชาติฝรั่งเศส จากแถบ Pauillac สีแดงทับทิม จากองุ่นแดงที่มีชื่อเสียงหลายชนิด ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของรสชาติและรสสัมผัสที่ทำให้ไวน์ มีรสชาติที่ชัดเจน ด้วยผลองุ่นแดงที่อุดมสมบูรณ์ จึงทำให้ไวน์ขวดนี้มีความฉ่ำของรสชาติที่เข้มข้นและรสสัมผัสที่นุ่มนวล

 

กลิ่น: มีโน้ตของผลไม้ที่ค่อนข้างแรง ด้วยโน้ตของแบล็คเคอแรนท์ สตรอเบอร์รี่ และกลิ่นของไม้โอ๊ค และคุณยังจะได้กลิ่นของเมล็ดกาแฟจาง ๆ และได้กลิ่นสัมผัสของซีดาร์อีกด้วย

 

รสสัมผัส : คุณจะได้รับรสสัมผัสที่ชัดเจน มีความเปรี้ยวและฝาดของแทนนิน ไวน์ขวดนี้ถือเป็นไวน์ที่มีความลงตัวทั้งรสสัมผัสที่ชัดเจน ทั้งความเปรี้ยว มีความเข้มข้นที่ผสมกันอย่างลงตัวกับความเข้มข้น หากคุณชอบรสชาติที่ชัดเจนและแทนนิน ไวน์ขวดนี้จะตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน  

เหล้านอก

Pontet-Canet, Pauillac

Pontet-Canet ไวน์ยอดนิยมแห่งบอร์โดซ์

          ความเก่าแก่ที่ยังคงความคลาสสิคของประวัติศาสตร์ของไวน์โบราณที่ปรากฏในทวีปยุโรป โดยเฉพาะในไวน์ฝรั่งเศสที่เป็นประเภทของไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และมีประวัติความเป็นมานับตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ จึงถือได้ว่าไวน์ฝรั่งเศสเป็นไวน์ที่อายุยืนยาวมานานนับพันปี รวมไปถึงการมาถึงของศาสนาคริสต์ ที่ส่งผลทำให้ในยุคกลาง มีพระสงฆ์ได้ปลูกองุ่นขึ้นและยังมีความรู้ในด้านการผลิตไวน์ รวมไปถึงในกลุ่มขุนนางด้วยเช่นกัน ซึ่งในฝรั่งเศสนั้นมีการปรากฏชนิดไวน์ที่มีชื่อเสียงอยู่ในหลาย ๆ ภูมิภาคไวน์ที่อยู่ในฝรั่งเศส หนึ่งในนั้นคือ แคว้นบอร์โดซ์ ซึ่งมีการผลิตไวน์ชั้นดี รวมไปถึงทั้งสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยในการทำไวน์ ตั้งแต่เรื่องสภาพดิน ภูมิอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไป นั่นจึงทำให้ในเขตภูมิภาคนี้เป็นดินแดนของไวน์ชั้นดีของฝรั่งเศส และหนึ่งในไวน์ที่มีการกำเนิดเกิดขึ้นนั้นก็คือ Pontet-Canet

          Pontet-Canet มีต้นกำเนิดมาจาก Chateau Pontet Canet ตามธรรมเนียมของวัน Chateau Pontet Canet ซึ่งในส่วนของชื่อนั้นมาจากอดีตเจ้าของ ซึ่งเป็นผู้ว่าการ Medoc นั่นก็คือ Jean-François de Pontet ก่อนที่จะมีเจ้าของอีกจำนวนมากในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 Pontet สามารถขยายไร่องุ่นบอร์โดซ์ด้วยการซื้อไร่องุ่น Pauillac เพิ่มเติมด้วย ซึ่งหลังจากนั้น ที่แห่งนี้ก็มีการผลิตไวน์ด้วยเจ้าของมากหน้าหลายตามากมาย จนมากระทั่งเมื่อ Alfred Tesseron เข้ามาบริหารที่ดินในปี 1994 ที่ดินแห่งนี้ก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งตัวเขามีแนวคิดที่น่าสนใจและเป็นปรัชญาเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำที่ Chateau Pontet Canet ในปัจจุบัน ในการสัมภาษณ์ที่เราทำ เขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันไม่ใช่ผู้ผลิตไวน์ สมาชิกในทีมของฉันไม่ใช่ผู้ผลิตไวน์เช่นกัน เนื่องจากงานส่วนใหญ่ทำในไร่องุ่น เราเป็นคนปลูกองุ่น ความสำเร็จของเราที่ Pontet Canet เกิดจากความพยายามของเราในไร่องุ่น ไม่ใช่การผลิตไวน์ สุดท้ายนี้ เป้าหมายของเราคือผลิตเหล้าองุ่น Pontet Canet ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับดื่ม ไม่ใช่แค่สำหรับชิมไวน์” นั่นเป็นคำอธิบายที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ Alfred Tesseron ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเขาอยากเป็นเกษตรกร แม้ว่าเขาจะได้รับปริญญาด้านวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต เมื่อคุณคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ Alfred Tesseron บรรลุเป้าหมายของเขาแล้ว

          Pontet-Canet นั้น จะมีรสชาติดีก็ต่อเมื่ออยู่ที่ 10-15 ปี โดยควรรินไว้ก่อนสัก 2-4 ชั่วโมง เพื่อทำให้ไวน์นุ่มและส่งกลิ่นหอม และควรเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15.5 องศาเซลเซียส 60 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อทำให้ไวน์นั้นสดใหม่และอร่อยลิ้นนั่นเอง

Pichon Baron, Pauillac

Pichon Baron ไวน์ชั้นเยี่ยมและทรงอิทธิพลในบอร์โดซ์

          ในบรรดาไวน์ที่เก่าแก่อย่างมากของทวีปยุโรป ซึ่งมีอยู่หลากหลายประเภทหรือชนิดนั้น ไวน์ฝรั่งเศส เป็นไวน์ที่มีการกล่าวถึงมาอย่างยาวนานและเป็นประเภทของไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และมีประวัติความเป็นมานับตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ จึงถือได้ว่าไวน์ฝรั่งเศสเป็นไวน์ที่อายุยืนยาวมานานนับพันปีในแถบ         เมดิเตอร์เรเนียน จนกระทั่งการมาถึงของศาสนาคริสต์ ซึ่งถือได้ว่าไวน์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างมากในการประกอบพิธี ซึ่งนั่นจึงทำให้ในยุคกลาง มีพระสงฆ์ได้ปลูกองุ่นขึ้นและยังมีความรู้ในด้านการผลิตไวน์ รวมไปถึงในกลุ่มขุนนางด้วยเช่นกัน ซึ่งในฝรั่งเศสนั้นมีการปรากฏชนิดไวน์ที่มีชื่อเสียงอยู่ในหลาย ๆ ภูมิภาคไวน์ที่อยู่ในฝรั่งเศส หนึ่งในนั้นคือ แคว้นบอร์โดซ์ ซึ่งมีการผลิตไวน์ชั้นดี โดยเฉพาะไวน์แดง รวมไปถึงทั้งสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยในการทำไวน์ ตั้งแต่เรื่องสภาพดิน ภูมิอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไป นั่นจึงทำให้ในเขตภูมิภาคนี้เป็นดินแดนของไวน์ชั้นดีของฝรั่งเศส และหนึ่งในไวน์ที่มีการผลิต ณ แค้วนบอร์โดซ์แห่งนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในไวน์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดก็คือ Pichon Baron

          Pichon Baron มีที่มาและต้นกำเนิดมาจาก Chateau Pichon Longueville Baron ซึ่งแต่เดิมนั้น มันมีอยู่ด้วยกัน 2 ไร่ นั่นก็คือ Chateau Pichon Baron และ Chateau Pichon Lalande ก่อนที่จะรวมเข้าด้วยกันภายหลังการแต่งงานของเจ้าของที่ดิน และหลังจากนั้น สถานที่แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นสถานที่ผลิตไวน์โดยเหล่าบรรดาเจ้าของต่าง ๆ ที่ได้เข้ามาลงทุน ซึ่งหลังจากนั้นสถานที่แห่งนี้ต่างก็ต้องพบเจอกับความยากลำบากอย่างมาก จนกระทั่ง Jean-Michel Cazes แห่ง Chateau Lynch Bages ได้เข้ามาช่วยดูแลสถานที่แห่งนี้ และก็เพราะเขานี่เอง ที่ได้ช่วยพัฒนาที่ดินตรงนี้ให้มีศักยภาพ รวมไปถึงการพัฒนาเครื่องไม้เครื่องมือให้มีคุณภาพพอที่จะพัฒนาไวน์ที่มีคุณภาพนั่นเอง

          Pichon Baron นั้น จะมีรสชาติดีก็ต่อเมื่ออยู่ที่ 15 ปี โดยควรรินไว้ก่อนสัก 3-6 ชั่วโมง เพื่อทำให้ไวน์นุ่มและส่งกลิ่นหอม และควรเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15.5 องศาเซลเซียส 60 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อทำให้ไวน์นั้นสดใหม่และอร่อยลิ้นนั่นเอง

 

Pichon Comtesse de Lalande, Pauillac

Pichon Comtesse de Lalande หนึ่งในไวน์ที่ดีที่สุดในบอร์โดซ์

          ขึ้นชื่อว่า “ไวน์” ที่มีชื่อเสียงและปรากฏในยุโรปแล้วนั้น ก็มีอยู่หลากหลายประเภทหรือชนิดนั้น ไวน์ฝรั่งเศส เป็นไวน์ที่มีการกล่าวถึงมาอย่างยาวนานและเป็นประเภทของไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และมีประวัติความเป็นมานับตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ จึงถือได้ว่าไวน์ฝรั่งเศสเป็นไวน์ที่อายุยืนยาวมานานนับพันปีในแถบเมดิเตอร์เรเนียน จนกระทั่งการมาถึงของศาสนาคริสต์ ซึ่งถือได้ว่าไวน์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างมากในการประกอบพิธี ซึ่งนั่นจึงทำให้ในยุคกลาง มีพระสงฆ์ได้ปลูกองุ่นขึ้นและยังมีความรู้ในด้านการผลิตไวน์ รวมไปถึงในกลุ่มขุนนางด้วยเช่นกัน ซึ่งในฝรั่งเศสนั้นมีการปรากฏชนิดไวน์ที่มีชื่อเสียงอยู่ในหลาย ๆ ภูมิภาคไวน์ที่อยู่ในฝรั่งเศส หนึ่งในนั้นคือ แคว้นบอร์โดซ์ ซึ่งมีการผลิตไวน์ชั้นดี โดยเฉพาะไวน์แดง รวมไปถึงทั้งสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยในการทำไวน์ ตั้งแต่เรื่องสภาพดิน ภูมิอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไป นั่นจึงทำให้ในเขตภูมิภาคนี้เป็นดินแดนของไวน์ชั้นดีของฝรั่งเศส และสถานที่แห่งนี้ยังมีไวน์ชนิดหนึ่งคือ Pichon Comtesse de Lalande

          Pichon Comtesse de Lalande มีจุดกำเนิดมาจาก Chateau Pichon Comtesse de Lalande ซึ่งไวน์ที่เกิดจากที่นี้ได้กลายเป็นที่กล่าวขานของบรรดานักชิมไวน์ทั้งหลายด้วยว่าเป็นหนึ่งในไวน์ที่ดีที่สุดใน  บอร์โดซ์ ซึ่งที่มาของชื่อนั้น ได้เริ่มขึ้นในเมื่อ Therse ลูกสาวของผู้ก่อตั้งได้รับมรดกเป็นสินสอดทองหมั้นเมื่อเธอแต่งงานกับ Jacques de Pichon Longueville ซึ่งตัวเขานี้ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในฐานะเจ้าของปราสาทเท่านั้น แต่ยังได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีคนแรกของรัฐสภาบอร์โดซ์อีกด้วย ซึ่งหลังจากนั้น สถานที่แห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนมือไปอยู่กับเจ้าของอีกมากมาย จนมา๔งปัจจุบัน ที่สถานที่แห่งนี้ได้รับการดูแลจาก Nicolas Glumineau ซึ่งเป็นยุคที่เรียกได้ว่าเป็นยุคที่ Pichon Comtesse de Lalande ประสบความสำเร็จอย่างมาก

          Pichon Comtesse de Lalande นั้น จะมีรสชาติดีก็ต่อเมื่ออยู่ที่ 10-12 ปี โดยควรรินไว้ก่อนสัก   2-4 ชั่วโมง เพื่อทำให้ไวน์นุ่มและส่งกลิ่นหอม และควรเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15.5 องศาเซลเซียส 60 องศา  ฟาเรนไฮต์ เพื่อทำให้ไวน์นั้นสดใหม่และอร่อยลิ้นนั่นเอง

 

Pedesclaux, Pauillac

Pedesclaux ไวน์รสชาติจัดจ้านจากบอร์โดซ์

          ขึ้นชื่อว่า “ไวน์” ที่มีชื่อเสียงและปรากฏในยุโรปแล้วนั้น ก็มีอยู่หลากหลายประเภทหรือชนิดนั้น ไวน์ฝรั่งเศส เป็นไวน์ที่มีการกล่าวถึงมาอย่างยาวนานและเป็นประเภทของไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และมีประวัติความเป็นมานับตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ จึงถือได้ว่าไวน์ฝรั่งเศสเป็นไวน์ที่อายุยืนยาวมานานนับพันปีในแถบเมดิเตอร์เรเนียน จนกระทั่งการมาถึงของศาสนาคริสต์ ซึ่งถือได้ว่าไวน์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างมากในการประกอบพิธี ซึ่งนั่นจึงทำให้ในยุคกลาง มีพระสงฆ์ได้ปลูกองุ่นขึ้นและยังมีความรู้ในด้านการผลิตไวน์ รวมไปถึงในกลุ่มขุนนางด้วยเช่นกัน ซึ่งในฝรั่งเศสนั้นมีการปรากฏชนิดไวน์ที่มีชื่อเสียงอยู่ในหลาย ๆ ภูมิภาคไวน์ที่อยู่ในฝรั่งเศส หนึ่งในนั้นคือ แคว้นบอร์โดซ์ ซึ่งมีการผลิตไวน์ชั้นดี โดยเฉพาะไวน์แดง รวมไปถึงทั้งสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยในการทำไวน์ ตั้งแต่เรื่องสภาพดิน ภูมิอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไป นั่นจึงทำให้ในเขตภูมิภาคนี้เป็นดินแดนของไวน์ชั้นดีของฝรั่งเศส และสถานที่แห่งนี้ยังมีไวน์ชนิดหนึ่งคือ Pedesclaux

          Pedesclaux ถือกำเนิดขึ้นใน Chateau Pedesclaux ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดย Pierre Urbain Pedesclaux ในปี ค.ศ. 1810 เมื่อเขาซื้อที่ดินทำไร่องุ่นจาก Grand Puy ซึ่งเป็นที่ดินอีกแห่งหนึ่งของ Pauillac ซึ่งหลังจากนั้นได้มีการขายที่ดินแห่งนี้ให้กับ Jacky Lorenzetti ซึ่งส่งผลทำให้ Jacky นี้มีกรรสิทธิ์ในพื้นที่ตรงนี้อย่างเต็มที่และมากมาย และนำไปสู่การพัฒนาที่ดินอย่างมหาศาล ตั้งแต่การพัฒนาไร่องุ่น ที่ดิน และเครื่องไม้เครื่องมือในการรักษาและเก็บไวน์ที่มีคุณภาพอย่างดีเยี่ยมด้วยนั่นเอง และด้วยเอกลักษณ์ของตัวไวน์ที่มีสีแดงจนออกดำ และกลิ่นที่ค่อนข้างแรง และออกเผ็ดร้อน ทั้งจากพริกไทยดำ พริกไทยเขียว ก็ยิ่งช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้กับไวน์ชนิดนี้ได้นั่นเอง

          Pedesclaux นั้น จะมีรสชาติดีก็ต่อเมื่ออยู่ที่ 8-12 ปี โดยควรรินไว้ก่อนสัก 2-4 ชั่วโมง เพื่อทำให้ไวน์นุ่มและส่งกลิ่นหอม และควรเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15.5 องศาเซลเซียส 60 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อทำให้ไวน์นั้นสดใหม่และอร่อยลิ้นนั่นเอง

Mouton Rothschild, Pauillac

Mouton Rothschild ไวน์เก่าแก่และทรงอิทธิพลในบอร์โดซ์

          ในบรรดาไวน์ที่เก่าแก่อย่างมากของทวีปยุโรป ซึ่งมีอยู่หลากหลายประเภทหรือชนิดนั้น ไวน์ฝรั่งเศส เป็นไวน์ที่มีการกล่าวถึงมาอย่างยาวนานและเป็นประเภทของไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และมีประวัติความเป็นมานับตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ จึงถือได้ว่าไวน์ฝรั่งเศสเป็นไวน์ที่อายุยืนยาวมานานนับพันปีในแถบ         เมดิเตอร์เรเนียน จนกระทั่งการมาถึงของศาสนาคริสต์ ซึ่งถือได้ว่าไวน์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างมากในการประกอบพิธี ซึ่งนั่นจึงทำให้ในยุคกลาง มีพระสงฆ์ได้ปลูกองุ่นขึ้นและยังมีความรู้ในด้านการผลิตไวน์ รวมไปถึงในกลุ่มขุนนางด้วยเช่นกัน ซึ่งในฝรั่งเศสนั้นมีการปรากฏชนิดไวน์ที่มีชื่อเสียงอยู่ในหลาย ๆ ภูมิภาคไวน์ที่อยู่ในฝรั่งเศส หนึ่งในนั้นคือ แคว้นบอร์โดซ์ ซึ่งมีการผลิตไวน์ชั้นดี โดยเฉพาะไวน์แดง รวมไปถึงทั้งสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยในการทำไวน์ ตั้งแต่เรื่องสภาพดิน ภูมิอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไป นั่นจึงทำให้ในเขตภูมิภาคนี้เป็นดินแดนของไวน์ชั้นดีของฝรั่งเศส และหนึ่งในไวน์ที่มีการผลิต ณ แค้วนบอร์โดซ์แห่งนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในไวน์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดก็คือ Mouton Rothschild

          Mouton Rothschild อันมีจุดเริ่มต้นมาจาก Chateau Mouton Rothschild โดยธุรกิจดังกล่าวนี้ มันเริ่มมาจากตระกูล Rothschild ที่มีชื่อเสียงเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1744 ที่ได้กลายมาเป็นชื่อสกุลของ Rothschild ของสวนแห่งนี้ และมรดกของครอบครัวนี้ก็ได้ถูกสืบทอดต่อ ๆ กันมา จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2006 Philip de Rothschild ได้เพิ่มการถือครองของพวกเขาด้วยการซื้อองุ่น 24 เฮกตาร์ และด้วยความทันสมัยดังกล่าวนี้เอง ที่ได้ช่วยพัฒนาที่ดิน ไร่องุ่น และเครื่องไม้เครื่องมือของสถานที่แห่งนี้ได้รุ่งเรือง และช่วยพัฒนาทำให้ไวน์ของสถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากอีกด้วย

          สำหรับ Mouton Rothschild นั้น จะมีรสชาติดีก็ต่อเมื่ออยู่ที่ 15 ปี โดยควรรินไว้ก่อนสัก 3-6 ชั่วโมง เพื่อทำให้ไวน์นุ่มและส่งกลิ่นหอม และควรเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15.5 องศาเซลเซียส 60 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อทำให้ไวน์นั้นสดใหม่และอร่อยลิ้นนั่นเอง

 

Lynch-Moussas, Pauillac

Lynch-Moussas ไวน์โบราณ และประวัติที่น่าสนใจจากบอร์โดซ์

          ขึ้นชื่อว่า “ไวน์” ที่มีชื่อเสียงและปรากฏในยุโรปแล้วนั้น ก็มีอยู่หลากหลายประเภทหรือชนิดนั้น ไวน์ฝรั่งเศส เป็นไวน์ที่มีการกล่าวถึงมาอย่างยาวนานและเป็นประเภทของไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และมีประวัติความเป็นมานับตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ จึงถือได้ว่าไวน์ฝรั่งเศสเป็นไวน์ที่อายุยืนยาวมานานนับพันปีในแถบเมดิเตอร์เรเนียน จนกระทั่งการมาถึงของศาสนาคริสต์ ซึ่งถือได้ว่าไวน์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างมากในการประกอบพิธี ซึ่งนั่นจึงทำให้ในยุคกลาง มีพระสงฆ์ได้ปลูกองุ่นขึ้นและยังมีความรู้ในด้านการผลิตไวน์ รวมไปถึงในกลุ่มขุนนางด้วยเช่นกัน ซึ่งในฝรั่งเศสนั้นมีการปรากฏชนิดไวน์ที่มีชื่อเสียงอยู่ในหลาย ๆ ภูมิภาคไวน์ที่อยู่ในฝรั่งเศส หนึ่งในนั้นคือ แคว้นบอร์โดซ์ ซึ่งมีการผลิตไวน์ชั้นดี โดยเฉพาะไวน์แดง รวมไปถึงทั้งสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยในการทำไวน์ ตั้งแต่เรื่องสภาพดิน ภูมิอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไป นั่นจึงทำให้ในเขตภูมิภาคนี้เป็นดินแดนของไวน์ชั้นดีของฝรั่งเศส และสถานที่แห่งนี้ยังมีไวน์ชนิดหนึ่งคือ Lynch-Moussas

          Lynch-Moussas ได้ถูกผลิตออกมาจาก Chateau Lynch Moussas ซึ่งแต่เดิมมันเป็นของ Count Jean-Baptiste Lynch แห่งไอร์แลนด์ในศตวรรษที่ 18 ในขณะนั้น มันเป็นที่ดินมีขนาดใหญ่กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมาก และจริง ๆแล้ว ที่ดินฝั่งซ้ายมีขนาดใหญ่มาก ๆ ในสมัยนั้น และถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งของที่ดินที่จะได้กลายเป็นที่ดินของพื้นที่ในขณะนี้กลายเป็น Chateau Lynch Bages ส่วนที่เหลือกลายเป็น Chateau Lynch Moussas และในปี ค.ศ. 1919 Chateau Lynch Moussas ถูกซื้อโดยครอบครัว Casteja และพวกเขาก็ได้เริ่มต้นธุรกิจในปี ค.ศ. 1970 Emile Casteja และหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เริ่มพัฒนาและปรับปรุงเครื่องไม้เครื่องมือในการผลิตไวน์ และที่ดินไร่องุ่นในบริเวณนั้นอีกด้วย

          Lynch-Moussas นั้น จะมีรสชาติดีก็ต่อเมื่ออยู่ที่ 7-9 ปี โดยควรรินไว้ก่อนสัก 1-3 ชั่วโมง เพื่อทำให้ไวน์นุ่มและส่งกลิ่นหอม และควรเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15.5 องศาเซลเซียส 60 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อทำให้ไวน์นั้นสดใหม่และอร่อยลิ้นนั่นเอง

 

Lynch-Bages, Pauillac

Lynch-Bages ไวน์คุณภาพแสนยิ่งใหญ่จากบอร์โดซ์

          ความเก่าแก่ที่ยังคงความคลาสสิคของประวัติศาสตร์ของไวน์โบราณที่ปรากฏในทวีปยุโรป โดยเฉพาะในไวน์ฝรั่งเศสที่เป็นประเภทของไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และมีประวัติความเป็นมานับตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ จึงถือได้ว่าไวน์ฝรั่งเศสเป็นไวน์ที่อายุยืนยาวมานานนับพันปี รวมไปถึงการมาถึงของศาสนาคริสต์ ที่ส่งผลทำให้ในยุคกลาง มีพระสงฆ์ได้ปลูกองุ่นขึ้นและยังมีความรู้ในด้านการผลิตไวน์ รวมไปถึงในกลุ่มขุนนางด้วยเช่นกัน ซึ่งในฝรั่งเศสนั้นมีการปรากฏชนิดไวน์ที่มีชื่อเสียงอยู่ในหลาย ๆ ภูมิภาคไวน์ที่อยู่ในฝรั่งเศส หนึ่งในนั้นคือ แคว้นบอร์โดซ์ ซึ่งมีการผลิตไวน์ชั้นดี รวมไปถึงทั้งสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยในการทำไวน์ ตั้งแต่เรื่องสภาพดิน ภูมิอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไป นั่นจึงทำให้ในเขตภูมิภาคนี้เป็นดินแดนของไวน์ชั้นดีของฝรั่งเศส และหนึ่งในไวน์ที่มีการกำเนิดเกิดขึ้นนั้นก็คือ Lynch-Bages

          Lynch-Bages ถือกำเนิดขึ้นใน Chateau Lynch Bages ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในบอร์โดซ์ ซึ่งในเวลาต่อมา มันได้ถูกขายให้กับ Pierre Drouillard ในปี ค.ศ. 1728 และหลังจากนั้นก็ได้มีการขายที่ดินนี้ให้กับ Jean-Charles Cazes ในปี ค.ศ. 1988 และเป็นจุดเริ่มต้นของการบริหารงานไวน์ของครอบครัว Cazes มาตั้งแต่บัดนั้น ซึ่งดรียกได้ว่าเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่มาตลอดตั้งแต่ปีนั้นจนมาถึงปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่การปรับปรุงและพัฒนาที่ดินกับไร่องุ่นให้มีคุณภาพ จนมาถึงห้องเก็บไวน์ เพื่อทำให้ห้องเหมาะแก่การเก็บไวน์ชั้นดีนั่นเอง และด้วยเหตุนี้นี่เอง จึงทำให้ไวน์จากที่นี่จึงมีคุณภาพ และในการผลิตไวน์ของที่นี่นั้น นอกจากจะวางขายไวน์แดงแล้ว ยังผลิตไวน์ขาวออกมาอีกด้วย นั่นจึงทำให้มันได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมาก

          และเมื่อพูดถึง Lynch-Bages แล้วนั้น ก็คงต้องพูดถึง คุณสมบัติของมัน ที่เป็นไวน์สีแดงทับทิมเข้ม และกลิ่นของมัน ที่เป็นกลิ่นของเบอร์รี่ดำ ส้มสายน้ำผึ้ง และเบอร์รี่สีแดง ก็ยังช่วยเพิ่มฐานความนิยมให้กับมันมากยิ่งขึ้น โดยมันจะมีรสชาติดีก็ต่อเมื่ออยู่ที่ 10-15 ปี โดยควรรินไว้ก่อนสัก 2-4 ชั่วโมง เพื่อทำให้ไวน์นุ่มและส่งกลิ่นหอม และควรเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15.5 องศาเซลเซียส 60 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อทำให้ไวน์นั้นสดใหม่และอร่อยลิ้นนั่นเอง