Lafite Rothschild, Pauillac

Lafite Rothschild หนึ่งในไวน์ที่ดีที่สุดจากบอร์โดซ์

          ขึ้นชื่อว่า “ไวน์” ที่มีชื่อเสียงและปรากฏในยุโรปแล้วนั้น ก็มีอยู่หลากหลายประเภทหรือชนิดนั้น ไวน์ฝรั่งเศส เป็นไวน์ที่มีการกล่าวถึงมาอย่างยาวนานและเป็นประเภทของไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และมีประวัติความเป็นมานับตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ จึงถือได้ว่าไวน์ฝรั่งเศสเป็นไวน์ที่อายุยืนยาวมานานนับพันปีในแถบเมดิเตอร์เรเนียน จนกระทั่งการมาถึงของศาสนาคริสต์ ซึ่งถือได้ว่าไวน์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างมากในการประกอบพิธี ซึ่งนั่นจึงทำให้ในยุคกลาง มีพระสงฆ์ได้ปลูกองุ่นขึ้นและยังมีความรู้ในด้านการผลิตไวน์ รวมไปถึงในกลุ่มขุนนางด้วยเช่นกัน ซึ่งในฝรั่งเศสนั้นมีการปรากฏชนิดไวน์ที่มีชื่อเสียงอยู่ในหลาย ๆ ภูมิภาคไวน์ที่อยู่ในฝรั่งเศส หนึ่งในนั้นคือ แคว้นบอร์โดซ์ ซึ่งมีการผลิตไวน์ชั้นดี โดยเฉพาะไวน์แดง รวมไปถึงทั้งสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยในการทำไวน์ ตั้งแต่เรื่องสภาพดิน ภูมิอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไป นั่นจึงทำให้ในเขตภูมิภาคนี้เป็นดินแดนของไวน์ชั้นดีของฝรั่งเศส และมีไวน์ชนิดหนึ่งที่ได้ถูกผลิตขึ้นก็คือ Lafite Rothschild

          Lafite Rothschild มีที่มาจากไร่ใน Chateau Lafite Rothschild ซึ่งเป็นที่รู้จักจากบรรดานักชิมไวน์ทั้งหลายว่าเป็นไวน์บอร์โดซ์ที่ดีที่สุด และยังถือว่าเป็นหนึ่งในไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดและมีราคาแพงที่สุดในโลก ซึ่งไวน์ชนิดนี้มีประวัติอันยาวนานและน่าสนใจ โดยสามารถย้อนได้ไปถึงปี ค.ศ. 1234 โดยเจ้าของที่ดินในขณะนั้นก็คือ Gombaud de Lafite ซึ่งได้เป็นเจ้าของปราสาทแห่งนี้ จึงส่งผลทำให้ไร่แห่งนี้ได้ชื่อว่า Lafite นั่นเอง และที่มีของชื่อต่อท้ายอย่าง Rothschild ก็เกิดมาจากการที่ Amschel Meyer Amschel Meyer ซึ่งถือว่าเป็นต้นตระกูล Rothschild ได้เข้ามาซื้อที่ดินแห่งนี้ต่อนั่นเอง ซึ่งหลังจากนั้น ได้มีผู้มาเป็นประธานบริษั?นี้อยู่มากมายหลายคน จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2018 ได้มีการเสนอชื่อให้ Saskia de Rothschild ให้เป็นผู้เข้ามาดูแล โดยก่อนหน้านั้น เธอเคยทำงานที่ Chateau L’ Evangeleใน Pomerol เมื่อเธออายุเพียง 19 ปี ก่อนที่จะเข้ามาดูแลธุรกิจ Lafite Rothschild อย่างเต็มตัวในปี ค.ศ. 2015

          Lafite Rothschild นั้น จะมีรสชาติดีก็ต่อเมื่ออยู่ที่ 15 ปี โดยควรรินไว้ก่อนสัก 3-6 ชั่วโมง เพื่อทำให้ไวน์นุ่มและส่งกลิ่นหอม และควรเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15.5 องศาเซลเซียส 60 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อทำให้ไวน์นั้นสดใหม่และอร่อยลิ้นนั่นเอง